จากกรณี มูลนิธิไนท์ไลท์และองค์กรโอยูอาร์ ได้พาน.ส.เค (นามสมมุติ) ชาวอุซเบกิสถาน อายุ 19 ปี เข้าแจ้งความว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อค้าประเวณี
โดยพ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า คดีนี้มีน.ส.ดิโลรมคนเพื่อนสนิทนางสาวเค ผู้เสียหาย ชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศไทย โดยอ้างว่ามีงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี มีรายได้ดี มีที่พักให้ ซึ่งจะออกค่าเดินทางและค่าทำวีซ่าให้
น.ส.เค หลงเชื่อ ประกอบกับต้องการหาเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยและใช้แต่งงาน โดยคิดว่าจะมาทำงานที่ประเทศไทย 3 เดือน และเดินทางมาถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พร้อมน.ส.เอ ผู้เสียหายคนที่ 2 โดยน.ส.ดิโลรมคน มารับที่สนามบินและพาไปพักที่โรงแรมในพัทยา
ปรากฎว่า เมื่อไปถึงโรงแรม มีนางแซมรัต อายุ 42 ปี ชาวอุซเบกิสถาน เป็นหัวหน้างาน ได้ข่มขู่ให้ผู้เสียหายขายบริการ โดยอ้างว่าผู้เสียหายเป็นหนี้ค่าเดินทางและค่าจัดทำวีซ่ากว่า 1 แสน 7 หมื่นบาท โดยบังคับให้ค้าประเวณีวันละ 4 ครั้ง ให้ยืนหาลูกค้าริมชายหาดพัทยาตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า หากไม่ทำตามก็จะถูกทำร้ายคำพูดจาก สล็อต777
ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน นางสาวเคได้ขอเบิกเงินและขอเดินทางกลับบ้าน แต่นางแซมรัตไม่ยอมให้กลับโดยอ้างว่ายังติดหนี้อยู่ และวันที่ 16 มิถุนายน นางแซมรัต ได้พาหญิงสาวคนอื่นไปประเทศบาห์เรน นางสาวเคจึงตัดสินใจหนีออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนางเอ็น ผู้เสียหายที่ 3 ให้เงินค่าแท็กซี่หลบหนีออกมา
เมื่อได้รับแจ้งตำรวจ ปคม.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา พบผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก 2 คน ที่โรงแรมในพัทยา จึงได้เข้าช่วยเหลือ โดยขณะนี้องค์กรโอยูอาร์ได้รับตัวไว้ช่วยเหลือและคุ้มครองในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
ส่วนนางแซมรัต หัวหน้าขบวนการ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ไปที่ประเทศบาห์เรน ส่วนนางสาวดิโรรมคน ก็หนีออกไปที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ตำรวจได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับในข้อหา สมคบกันค้ามนุษย์ ร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลไปค้าประเวณี
ส่วนนายนารูส ผู้ต้องหาอีก 1 คน ตำรวจจับกุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งพบว่ากำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ